ปลดล็อกกัญชา กัญชง แล้วนำสมุนไพรเหล่านี้ไปทำอะไรได้บ้าง รู้ไว้ให้ชัดจะได้ไม่ขัดกับกฎหมาย กัญชา และกัญชง เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางการแพทย์อย่างหลากหลาย และยังมีแนวโน้มจะเป็นพืชเศรษฐกิจได้ จึงเกิดการปลดล็อกกัญชาและกัญชงออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5 ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป แต่ด้วยความที่กัญชาและกัญชงเองก็มีสาร THC ซึ่งเป็นสารเสพติดอยู่ เลยอาจทำให้เกิดข้อสงสัยขึ้นมาได้ว่า หลังจากปลดล็อกกัญชา-กัญชงแล้ว เราทำอะไรกับสมุนไพรเหล่านี้ได้หรือไม่ได้กันบ้าง ว่าแล้วก็มาหาคำตอบกัน
1. ปลูกกัญชา กัญชงที่บ้านได้ไหม
ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป ประชาชนสามารถปลูกกัญชาในบ้านที่มีรั้วรอบขอบชิดได้ โดยไม่ต้องขออนุญาต เพียงแต่แจ้งข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน "ปลูกกัญ" ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจัดทำขึ้นมา หรือ จดแจ้งผ่านเว็บไซต์ plookganja.fda.moph.go.th โดย อย. จะออกใบรับจดแจ้งอิเล็กทรอนิกส์ให้กับผู้ที่มาจดแจ้ง แต่หากพบการกระทำความผิดที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ อย. ก็สามารถถอนการจดแจ้งดังกล่าวได้
2. ครอบครองกัญชาผิดไหม
การมีพืชกัญชา กัญชงไว้ในครอบครอง ไม่ว่าจะมีจำนวนเท่าใดก็ไม่มีความผิด แต่ถ้ามีสารสกัดที่มีปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล หรือ THC เกินกว่า 0.2% โดยไม่มีใบอนุญาต ไม่มีใบสั่งแพทย์ ไม่ผ่านการรับรองโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือสารสกัดนั้นมาจากนอกประเทศไทย ยังถือว่ามีความผิด
ทั้งนี้ เมื่อตำรวจตรวจพบจะยังไม่ดำเนินคดีในทันที เนื่องจากไม่เป็นความผิดซึ่งหน้า ตำรวจจะทำการยึดสารสกัดนั้นส่งผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบหาค่าสาร THC รวมทั้งสืบเสาะแหล่งที่มา และตรวจหลักฐานการขออนุญาต หากพบว่าผิดกฎหมาย จึงจะเรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหา ดำเนินคดีภายหลัง
3. สูบกัญชา ผิดกฎหมายไหม จะถูกจับหรือเปล่า
หลังจากกัญชาและกัญชงถูกปลดล็อกพ้นจากยาเสพติด จะมีผลให้ทุกส่วนของกัญชา กัญชง ไม่จัดเป็นยาเสพติด ยกเว้นสารสกัดที่มีสาร THC เกินร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนัก ดังนั้นนอกจากประชาชนทั่วไปจะสามารถปลูกกัญชาได้แล้ว การเสพ การสูบ การบริโภค กัญชา-กัญชง ก็ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย แต่การสูบ หรือเสพกัญชา-กัญชงก็ยังจะถูกควบคุมดูแลอยู่นะคะ โดยมีข้อกำหนด เช่น
- การสูบกัญชาในที่สาธารณะ รบกวนสิทธิผู้อื่น โดยก่อให้เกิดความรำคาญจากกลิ่นหรือควัน หรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพแก่ประชาชนที่อยู่หรืออาศัยบริเวณใกล้เคียง เจ้าพนักงานท้องถิ่น สามารถระงับเหตุและตรวจสอบได้ตามกฎหมาย โดยมีความผิดตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 25,000 บาท
- ห้ามสูบกัญชาแบบม้วน เพราะไม่มีอากรแสตมป์ของกรมสรรพสามิตติดไว้อย่างถูกต้องเหมือนกับบุหรี่
- เสพแล้วต้องไม่ขับรถ หากฝ่าฝืนก็จะมีความผิดตามกฎหมายจราจร
- ห้ามใช้กัญชาในส่วนที่มีสาร THC เกิน 0.2% ซึ่งเกินกว่าที่กำหนดในกฎหมายปลดล็อกจากยาเสพติด หากฝ่าฝืนก็จะมีโทษตามกฎหมายยาเสพติด
อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์หลัก ๆ ในการปลดล็อกครั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การดูแลสุขภาพ และการใช้ตามวิถีชีวิตทั่วไป สอดคล้องกับทางด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ที่กล่าวไว้ว่า ไม่เคยรณรงค์ให้มีการสูบกัญชาเพื่อผ่อนคลายใด ๆ เพราะไม่ได้อยู่ในเป้าหมายที่จะนำกัญชาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพ และการนำมาสูบไม่เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพ และเป็นโทษด้วย
โดยหลังจากนี้ก็จะมี พ.ร.บ. กัญชา กัญชง ออกมากำหนดอย่างชัดเจนด้วยว่าทำอะไรได้ไม่ได้บ้าง ซึ่งระหว่างที่รอร่างกฎหมาย รัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการโดยคำสั่งนายกรัฐมนตรีเพื่อทำหน้าที่ควบคุมดูแลการใช้กัญชาและกัญชงไปช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อน
4. ขายกัญชา กัญชง ผิดกฎหมายไหม
การจำหน่ายกัญชาและกัญชงยังมีส่วนที่ไม่ผิดกฎหมาย และส่วนที่ยังถูกควบคุมโดยกฎหมาย ตามรายละเอียด ดังนี้
ไม่ต้องขออนุญาต ไม่ผิดกฎหมาย
- การขายส่วนของพืชกัญชา กัญชง ไม่ต้องขอรับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด
- การขายสารสกัดที่ได้รับอนุญาตให้สกัดตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด หากเป็นสารสกัดที่มี THC ไม่เกิน 0.2 % ไม่ต้องมีใบอนุญาตจําหน่ายยาเสพติดให้โทษ
- ผู้จําหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสําอางที่มีส่วนผสมของกัญชา กัญชง ไม่ต้องขออนุญาตก่อน แต่จะต้องนําผลิตภัณฑ์ที่จดแจ้งเรียบร้อยแล้วและมีฉลากภาษาไทยที่ระบุข้อความครบถ้วน ถูกต้องมาจําหน่าย
ต้องขออนุญาต
- การขายเมล็ดพันธุ์และกิ่งพันธุ์ ยังต้องขอรับอนุญาตตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
- การขายสารสกัดที่มี THC เกิน 0.2 % ต้องมีใบอนุญาตจําหน่ายยาเสพติดให้โทษ และผู้ซื้อต้องมีใบอนุญาตเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษด้วย
- การจําหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชาหรือกัญชง ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์นั้น เช่น ผลิตอาหารต้องทำตาม พ.ร.บ.อาหาร, ผลิตยาต้องทำตาม พ.ร.บ.ยา เป็นต้น
ผิดกฎหมาย
- การขายกัญชา-กัญชง ให้บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร เพื่อนำไปบริโภค หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท
- ห้ามจำหน่ายกัญชาแบบมวน หรือนำกัญชาไปมวนแล้วขายเหมือนบุหรี่ เพราะกรมสรรพสามิตยังไม่อนุญาต
- การโฆษณากัญชาในสื่อวิทยุ โทรทัศน์
โดยขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างเสนอร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง เพื่อให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
5. สกัดพืชกัญชา กัญชง ต้องขออนุญาตไหม
สำหรับการสกัด ไม่ว่าจะเป็นการนําส่วนใดของพืชกัญชา กัญชง ไปสกัด (ยกเว้นการสกัดจากเมล็ด) ซึ่งสารสกัดที่ได้จะมีปริมาณ THC เท่าใดก็ตาม ต้องขออนุญาตผลิตสกัดตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด โดยผลผลิตสารสกัดที่ได้ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
- สารสกัดที่มี THC ไม่เกิน 0.2% จะได้รับการยกเว้นไม่เป็นยาเสพติดให้โทษ
- สารสกัดที่มี THC เกิน 0.2% จะจัดเป็นยาเสพติดให้โทษ
6. กินกัญชา กัญชง เป็นอาหารได้ทุกส่วนเลยหรือไม่
ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2564 กําหนดว่า กัญชาหรือกัญชงที่นำมาประกอบอาหารต้องได้รับอนุญาตให้ผลิตในประเทศเท่านั้น ห้ามเป็นของที่นำเข้ามา และส่วนของพืชกัญชา-กัญชง ที่สามารถนำมาใช้ผลิตอาหารได้ ประกอบด้วย
- เปลือก ลําต้น เส้นใย กิ่งก้าน และราก
- เมล็ดกัญชง น้ำมันจากเมล็ดกัญชง หรือสารสกัดจากเมล็ดกัญชง
- ใบ ซึ่งไม่มียอดหรือช่อดอกติดมาด้วย
- สารสกัดที่มีสาร CBD เป็นส่วนประกอบที่มีสาร THC ไม่เกินร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนักแห้ง
- กากหรือเศษที่เหลือจากการสกัดกัญชาที่มีสาร THC ไม่เกินร้อยละ 0.2 โดยน้ําหนักแห้ง
7. ร้านอาหารนำใบกัญชามาปรุงอาหารขายได้ไหม
สามารถนำใบกัญชาที่ซื้อมาจากแหล่งปลูกที่ได้รับอนุญาตจาก อย. มาปรุงอาหารขายได้โดยไม่ต้องขออนุญาต แต่สถานประกอบการ ต้องปฏิบัติตามประกาศกรมอนามัย ดังนี้
- แสดงข้อแนะนําเพื่อความปลอดภัยในการบริโภคอาหาร ตามประกาศกรมอนามัย เรื่อง การนํา ใบกัญชามาใช้ในการทําประกอบหรือปรุงอาหารในสถานประกอบกิจการอาหาร พ.ศ. 2565
- แสดงคําเตือนรายการอาหารที่มีส่วนประกอบของกัญชาหรือกัญชงในภาชนะบรรจุ ดังต่อไปนี้
1. เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร ไม่ควรรับประทาน
2. หากมีอาการผิดปกติ ควรหยุดรับประทานทันที
3. ผู้ที่แพ้หรือไวต่อสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocanabionol ,THC) หรือสารแคนนาบิไดออล (Canabidiol, CBD) ควรระวังในการรับประทาน
4. อาจทําให้ง่วงซึมได้ ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะ หรือทํางานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล
ทั้งนี้สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์กรมอนามัย
8. นำกัญชา กัญชง มาใช้ผลิตอาหารเพื่อจำหน่ายได้ไหม
ถ้าจะนำส่วนของกัญชา กัญชง หรือสารสกัดแคนนาบิไดออล (CBD) มาใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารเพื่อผลิตจำหน่าย ต้องใช้เฉพาะส่วนของพืชที่กำหนดในประกาศของกระทรวงสาธารณสุข คือ เมล็ดกัญชง น้ำมันจากเมล็ดกัญชง โปรตีนจากเมล็ดกัญชง ผลิตภัณฑ์อาหารที่ใช้เปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่งก้าน รากและใบ ซึ่งไม่มียอดหรือช่อดอกติดมาด้วย
นอกจากนี้ ผู้ผลิตต้องยื่นขอขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร หรือขออนุญาตใช้ฉลากอาหารเพื่อรับเลขสารบบอาหาร และผลิตภัณฑ์นั้นต้องเป็นไปตามมาตรฐานและแสดงคำเตือนตามที่กำหนดด้วยนะคะ
9. นำเข้าสารสกัดกัญชา กัญชง ได้ไหม
เราไม่สามารถนำเข้าสารสกัดกัญชา กัญชง จากต่างประเทศได้ค่ะ ยกเว้นนำเข้ามาเพื่อการศึกษาวิจัย หรือเป็นหน่วยงานรัฐที่นำสารสกัดเข้ามาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ โดยการนำเข้าต้องขออนุญาตตามประมวลกฎหมายยาเสพติดก่อนด้วยนะคะ
10. นำเข้าอาหารหรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารสกัดกัญชาได้หรือไม่
กรณีอาหาร : ไม่สามารถนำเข้าได้ เพราะอาหารที่มีส่วนผสมของสารสกัดกัญชา จัดเป็นอาหารห้ามนำเข้าตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 424 พ.ศ. 2564 ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 2 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 20,000 บาท
กรณีเครื่องสำอาง : ไม่สามารถนำเข้าได้ โดยผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามความใน พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558
กรณีนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น : เช่น ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์นั้น
ขอย้ำอีกทีว่า กัญชาและกัญชงถูกปลดล็อกมาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์เป็นหลัก รวมไปถึงการดูแลสุุขภาพของประชาชน ซึ่งทั้งกัญชงและกัญชาเองก็มีทั้งประโยชน์และโทษ ดังนั้นอยากให้ทุกคนใช้กัญชาและกัญชงอย่างเหมาะสมด้วยนะคะ
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : สำนักคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) (1), (2), (3) ฐานเศรษฐกิจ, hfocus.org, กรุงเทพธุรกิจ, สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, เฟซบุ๊ก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น