 |
เริ่มวันนี้ 1 มิ.ย. PDPA พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เตือนอย่าส่งต่อข้อมูลกฏหมายคลาดเคลื่อน รอง ผบ.ตร. ชี้บังคับใช้ดูเจตนา องค์กรห้ามซื้อขายข้อมูล
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชน ให้รู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิด มาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น
วันที่ 1 มิถุนายน 2565 พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า กฎหมาย PDPA จะมีผลบังคับใช้ โดยกฎหมายดังกล่าวมีเจตนารมณ์ ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ให้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆ และเพื่อป้องกัน แก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดสิทธิ และข้อมูลส่วนบุคคล ที่ประชาชนอาจเกิดความวิตกกังวล
อย่างไรก็ตาม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่ามีพี่น้องประชาชนบางส่วน ยังขาดความเข้าใจในตัวกฎหมาย นอกจากนี้ได้มีการส่งต่อข้อความที่มีความคลาดเคลื่อน เกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าว ทางสื่อสังคมออนไลน์เป็นจำนวนมาก ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน เข้าใจผิดต่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอประชาสัมพันธ์ในประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายดังกล่าว ดังนี้
1.การถ่ายภาพหรือคลิปวิดีโอที่ติดภาพของบุคคลอื่นโดยไม่เจตนา และไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายกับบุคคลที่ถูกถ่าย หากใช้เพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัว สามารถทำได้
2.การโพสต์ภาพหรือคลิปวิดีโอที่ติดภาพของบุคคลอื่นในสื่อสังคมออนไลน์ หากทำเพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัว ไม่แสวงหากำไรทางการค้าและไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย สามารถทำได้
3.การติดกล้องวงจรปิดภายในบ้าน ไม่จำเป็นต้องมีป้ายแจ้งเตือน หากติดเพื่อป้องกันอาชญากรรมและรักษาความปลอดภัย
4.การทำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ ไม่จำเป็นต้องขอความยินยอมก่อน ในกรณีดังนี้
4.1.เป็นการทำตามสัญญา
4.2.เป็นการใช้ที่มีกฎหมายให้อำนาจ
4.3.เป็นการใช้เพื่อรักษาชีวิต หรือร่างกายของบุคคล
4.4.เป็นการใช้เพื่อการค้นคว้าวิจัยทางสถิติ
4.5.เป็นการใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะ
4.6.เป็นการใช้เพื่อปกป้องประโยชน์ หรือสิทธิของตน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นกฎหมายใหม่ที่เพิ่งจะมีการบังคับใช้ ดังนั้นอาจจะมีการประชาสัมพันธ์รายละเอียด ข้อปฏิบัติของกฎหมายดังกล่าว เพิ่มเติมในโอกาสต่อไป
พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) เปิดเผยถึงการบังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (PDPA) ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ว่า ในรายละเอียดของพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลฯ ค่อนข้างเยอะเป็นหน้าที่ฝ่ายกฎหมายอยู่
ระหว่างการทำความเข้าใจกับตำรวจทั่วประเทศอีกครั้งหนึ่ง แต่โดยหลักการแล้วเป็นการคุ้มครองข้อมูลที่องค์กรต่างๆ มีอยู่แต่ห้ามนำไปเผยแพร่ หรือซื้อขายต่อ ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ อยู่ที่เจตนา เพราะการเผยแพร่ต่างๆ ยังต้องตีความว่าทำได้หรือไม่
แต่โดยรวมแล้วต้องไม่ไปเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลโดยเฉพาะเรื่องความอ่อนไหว เช่น องค์กรต่างที่มีข้อมูลการสมัครสมาชิกต่างๆ แล้วเอาไปให้คนอื่นไม่ได้ ซึ่งจะดูที่เจตนาเป็นหลัก อย่างของตำรวจก็จะมีข้อมูลทะเบียนประวัติ
ข้อมูลไบโอเมตริกของประชาชน หากปล่อยให้มีการไปแฮกข้อมูลง่ายๆ ก็จะมีความผิดทั้งอาญาและทางแพ่งได้
รองผบ.ตร.กล่าวว่ากรณีผู้สื่อข่าวถ่ายภาพผู้ต้องหาหรือตำรวจสามารถฟ้องร้องหรือไม่นั้น โดยหลักแล้วการถ่ายรูปหรือนำผู้ต้องมาแถลงข่าวไม่มีอยู่แล้ว ส่วนการถ่ายภาพสถานที่ราชการต่างๆเช่น โรงพัก ก็ดูที่เจตนาว่ามีประโยชน์ทางราชการหรือไม่อย่างไร รวมถึงกล้องจรปิดต่างๆ คนที่ร่าง พ.ร.บ.ฯจะต้องมีการชี้แจงทำความเข้าใจ ตำรวจมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย แต่ตามกระบวนการยุติธรรมก็มีหลายฝ่ายทั้งอัยการและศาล
ส่วนกรณีตำรวจจะมาขอข้อมูลประชาชนเกี่ยวกับคดีต่างๆ ก็ต้องดูเจตนาว่าเพื่อประโยชน์การสืบสวนหาตัวคนร้ายเพื่อคลี่คลายคดีหรือไม่ย้ำว่าต้องดูเจตนาเป็นหลัก เพราะตำรวจไม่นำข้อมูลส่วนบุคคลไปเผยแพร่อยู่แล้ว
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : sanook.news
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น