เปิดเอกสารฉบับเต็ม ไม่แบ่งวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส ให้แพทย์ด่านหน้า 7.5 แสนคน ฉีดเข็ม 3 เพิ่มภูมิคุ้มกัน ส่องข้อคิดเห็นวงประชุม ตัดสินใจจากอะไร
จากกรณีเอกสารหลุด เรื่องมติการจัดสรรวัคซีนโควิด ไฟเซอร์ จำนวน 1.5 ล้านโดส ในเดือนกรกฎาคม 2564 และจะได้รับในไตรมาสที่ 4 รวม 20 ล้านโดส โดยมีมติไม่นำมาฉีดเข็ม 3 เพิ่มภูมิคุ้มกันให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ซึ่งมีข้อคิดเห็นหนึ่งระบุว่า ถ้าเอามาฉีดกลุ่ม 3 (แพทย์ด่านหน้า) แสดงว่ายอมรับว่า ซิโนแวคไม่มีผลในการป้องกัน แล้วจะแก้ตัวยากมากขึ้น ซึ่งต่อมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยอมรับว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารจริง มาจากการประชุมคณะกรรมการวิชาการ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 5 กรกฎาคม 2564 พรรคก้าวไกล ได้มีการนำเอกสารการประชุมฉบับเต็มดังกล่าวมาเผยแพร่ โดยในเอกสารมีประเด็นสำคัญดังนี้
สรุปประชุมเฉพาะกิจร่วมระหว่าง คณะกรรมการด้านวิชาการ ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค และคณะทำงานวิชาการด้านบริหารจัดการและศึกษาการให้บริการวัคซีน เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ที่ กรมควบคุมโรค
วาระการประชุม
2.1 แนวทางการให้วัคซีนไฟเซอร์ของประเทศไทย
- ประสิทธิภาพของวัคชีนไฟเซอร์ในวัยรุ่น อายุ 12 - 15 ปี พบว่า มีภูมิคุ้มกันสูงถึง 100% ซึ่งมากกว่าวัยผู้ใหญ่
- วัคซีนไฟเซอร์มีผลข้างเคียงในเข็มแรกมากกว่าเข็มที่ 2
- ผลข้างเคียง ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นภายใน 2-3 วัน
- ผลข้างเคียง ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้น เพศชายมากกว่าเพศหญิง
ข้อเสนอแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนไฟเซอร์ ของประเทศไทย แบ่ง 3 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่
1. บุคคลอายุ 12 - ต่ำกว่า 18 ปี พื้นที่ระบาด พื้นที่เศรษฐกิจ จำนวน 1 ล้าน (ทั่วประเทศ 4.8 ล้าน)
2. กลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่ได้วัคซีน คือ ผู้สูงอายุ โรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ พื้นที่ระบาดเชื้อสายพันธุ์เดลตา
3. ด่านหน้า กระตุ้นภูมิคุ้มกัน (เข็ม 3) สถานพยาบาลรัฐ / เอกชน ทั่วประเทศที่รับผู้ป่วยโควิด 19 จำนวน 7.5 แสนคน
มอบหมายกรมควบคุมโรคร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในการจัดทำแนวทางการให้วัคซีนไฟเซอร์บรรจุลงในแนวทางการให้วัคซีนโควิด 19 ฉบับปรับปรุง โดยผู้ร่วมประชุมมีความเห็นที่หลากหลายในหลายประเด็น ดังนี้
1. ไฟเซอร์ ควรให้พื้นที่ระบาด 7 กลุ่มโรค ให้ไปแล้วทดแทนที่ขาด
2. ต้องแก้ปัญหาพื้นที่ระบาดและป่วยตายเยอะก่อน
3. ควรให้กลุ่มสูงอายุ กลุ่มเสี่ยง 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ และอยากให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ด้วย เพราะเป็นกำลังทำงานที่สำคัญ หมอและบุคลากรเด็ก ๆ ที่ฉีด ซิโนแวคแล้ว 2 โดส ตอนนี้ มีติดเชื้อหลายราย และวุ่นเพราะต้องกักตัวจำนวนมาก ขณะที่ต้องการบุคลากรมาก
4. อยากเสนอให้ฉีดบูสต์ เข็ม 3 ให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า
5. ควรมียุทธศาสตร์ในการสื่อสารและเป้าหมายที่ชัดเจน
6. เห็นด้วยกับการให้วัคซีนในกลุ่มที่ 2 และ 3 ส่วนกลุ่มที่ 1 สามารถรอวัคซีนจากการสั่งซื้อได้ และในขณะนั้นคงทราบผลการศึกษาเพิ่มเติมจากการใช้ mRNA ในกลุ่มเด็กอายุน้อยกว่า 18 ปี
7. วัคซีน mRNA ป็นวัคซีนที่ปลอดภัยมากโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ควรเร่งฉีดตามอายุโดยยังไม่เอา 7 โรคเกี่ยว อาจเริ่ม 75 ทั้งหมดก่อน
8. ขอให้กลุ่ม 2 ไม่ควรให้กลุ่ม 3 (แพทย์ด่านหน้า)
9. ขอให้กลุ่ม 2 และบูสต์ กลุ่ม 3 ในพื้นที่ระบาด
10. ในขณะนี้ ถ้าเอามาฉีดกลุ่ม 3 แสดงว่าเรายอมรับว่าซิโนแวค ไม่มีผลในการป้องกัน แล้วจะแก้ตัวยากมากขึ้น
11. ควรเอาอายุ
12. คนท้องควรได้รับ mRNA ส่วนกลุ่ม 3 อาจรอข้อมูลอีกระยะ และคนสูงอายุในอายุที่จะกำหนดเช่น มากกว่า 70 ควรเป็นวอล์กอินได้ในที่ที่มีวัคซีนตัวนี้
13. ควรให้เข็ม 3 บุคลากรทางการแพทย์เพราะความเสี่ยงสูง
14. ควรให้ผู้สูงอายุ 70 ขึ้นไปฉีดให้หมด
15. เริ่มที่ กทม. เหมาะสุดเพราะ ระบบขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ (cold chain) มีปัญหา
มติที่ประชุม แนวทางการให้วัคซีนไฟเซอร์ เดือนกรกฎาคม - สิงหาคม 2564
- เห็นชอบให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับในระยะแรก จำนวน 1.5 ล้านโดส กรกฎาคม - สิงหาคม เป็นเข็มที่ 1 ทั้งหมด แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ ขึ้นไป ในพื้นที่ที่มีการระบาดรุนแรง ซึ่งในขณะนี้คือพื้นที่ กทม. และปริมณฑล เพื่อลดการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิต
- ควรเตรียมการด้านบุคลากร สถานที่ฉีด และอุปกรณ์ในการฉีดที่เหมาะสมสำหรับการฉีดวัคซีน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น