สรุปรายละเอียด 5 โครงการแจกเงินของรัฐบาล เราชนะ-คนละครึ่งเฟส 3-เรารักกัน-ยิ่งใช้ยิ่งได้ และเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เริ่มต้นแจกเงินที่ 2,000 บาท และแจกสูงสุดถึง 7,000 บาท ใครสนใจโครงการไหน ดูเลย
วันที่ 6 พฤษภาคม 2564 หลังจากที่วิกฤตโควิด 19 ในประเทศไทย ส่งผลอย่างหนักต่อผู้ประกอบการที่จำเป็นต้องปิดกิจการเนื่องจากมาตรการควบคุมโรค และทำให้ประชาชนจำนวนมากขาดรายได้ แต่ล่าสุดคณะรัฐมนตรีได้ไฟเขียวออกโครงการเยียวยาโควิด ระลอก 3 โดยมีโครงการเด่น ๆ อาทิ เราชนะ คนละครึ่ง เฟส 3 เรารักกัน ยิ่งใช้ยิ่งได้ และเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งวันนี้ จะมาสรุปรวมข้อมูลของทั้ง 5 โครงการให้ฟังกันค่ะ
เราชนะ
จะเพิ่มเงินให้อีกคนละ 1,000 บาท ทั้งหมด 2 สัปดาห์ รวมเป็น 2,000 บาท สิ้นสุดระยะเวลาการใช้จ่ายในเดือนมิถุนายน 2564 ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายกว่า 32.9 ล้านคน ในกรอบวงเงิน 67,000 ล้านบาท
ม.33 เรารักกัน
จะเพิ่มเงินให้อีกคนละ 1,000 บาท ทั้งหมด 2 สัปดาห์ รวมเป็น 2,000 บาท สิ้นสุดระยะเวลาการใช้จ่ายในเดือนมิถุนายน 2564 ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย 9.27 ล้านคน วงเงิน 18,500 ล้านบาท
คนละครึ่งเฟส 3
แจกเงินคนละ 3,000 บาท โดยเติมเงินให้วันละ 150 บาท ภายในระยะเวลาเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2564 ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย 31 ล้านคน คิดเป็นวงเงิน 93,000 ล้านบาท
โครงการนี้คณะรัฐมนตรีได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปจัดทำรายละเอียดเบื้องต้น เพื่อให้ ครม. เห็นชอบในหลักการ และเร่งจัดทำรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว
โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้
เป็นโครงการที่ภาครัฐจะสนับสนุนบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Voucher เพื่อนำไปใช้กับร้านค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อซื้อสินค้า อาหาร เครื่องดื่ม โดยต้องชำระผ่านกระเป๋าตัง G-wallet
ทั้งนี้ โครงการนี้จะให้เงิน 5,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาท ในเดือนสิงหาคม-ธันวาคม 2564 ครอบคลุมทั้งหมด 4 ล้านคน
โครงการเพิ่มเงินในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
จะให้ความช่วยเหลือด้วยการเพิ่มเงินเดือนละ 200 บาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2564 ครอบคลุมประชากร 13.6 ล้านคน และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ โดยเพิ่มเงินเดือนละ 200 บาท 6 เดือน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2564 ครอบคลุมประชากร 2.5 ล้านคน
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก :money.kapook ,ไทยพีบีเอส, กรุงเทพธุรกิจ, ฐานเศรษฐกิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น