ทำความรู้จัก หุ้น OR มีธุรกิจอะไรบ้างนอกจากปั๊ม ปตท. และ Cafe Amazon ผลกำไรที่ผ่านมาเป็นอย่างไร พร้อมเผยช่องทางจองหุ้นผ่าน 3 ธนาคาร
กลายเป็นหุ้นที่กำลังถูกพูดถึงมากที่สุด สำหรับ หุ้น OR ของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ที่เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม - 2 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งตั้งแต่วันแรกก็มีผู้สนใจร่วมลงทุนจำนวนมาก
สำหรับการซื้อหุ้น OR เท่ากับการเป็นเจ้าของร่วมในบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่
1. ธุรกิจน้ำมัน (ตลาดค้าปลีก-ตลาดพาณิชย์) สร้างรายได้ในรูป EBITDA เป็นสัดส่วน 68.7% ของรายได้ทั้งหมด
- สถานีน้ำมันภายใต้แบรนด์ PTT Station มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 สัดส่วน 38.9% สูงกว่าคู่แข่งอันดับ 2 กว่าสองเท่าตัว มีสถานีให้บริการถึง 1,968 สถานี แผนใน 5 ปี (2564-2568) จะขยายเพิ่มอีก 100 สถานี
- ตลาดพาณิชย์ มีลูกค้าภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรมกว่า 2,600 ราย สถานีบริการก๊าซปิโตรเลียมเหลว 231 แห่ง ศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto มีคลังน้ำมัน คลังแอลพีจี จำนวนถึง 53 คลัง
2. กลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) สร้างรายได้ EBITDA สัดส่วน 25.1%
ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
- Cafe Amazon มี 3,168 สาขาทั่วประเทศ และมี 272 แห่ง ใน 10 ประเทศ Cafe Amazon จัดเป็นอันดับ 6 ของโลก วัดในด้านจำนวนสาขา และเป็นอันดับที่ 12 ของโลก วัดในด้านรายได้ แผน 5 ปีจะขยาย Cafe Amazon ในประเทศอีกปีละ 400 สาขา เป็น 5,800 สาขา
- Texas Chicken 73 สาขา มีแผนขยายเพิ่มปีละ 20 แห่ง
- ฮั่วเซ่งฮง 73 สาขา
- PEARLY TEA 173 สาขา
ธุรกิจอื่น ๆ
- 7-Eleven และ Jiffy รวม 1,960 สาขา
- Burger King, McDonald's, KFC, The Pizza Company, CHESTER'S, เจ้าสัว
- ให้บริการบริหารจัดการพื้นที่ให้แก่แบรนด์ 210 แบรนด์
3. ธุรกิจต่างประเทศ สร้างรายได้ 5.8%
- มีสถานีน้ำมัน 329 สถานี ใน 4 ประเทศ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ ลาว กัมพูชา และเมียนมา
- Cafe Amazon 272 สาขา ใน 10 ประเทศ
- Jiffy 86 สาขา
แผนการขยายธุรกิจ
หลังระดมทุน OR โดยจะมุ่งเน้นขยายธุรกิจ Non-Oil และธุรกิจต่างประเทศเป็นหลัก ในส่วนของธุรกิจ Non-Oil เริ่มมีการทำดีลควบรวมหรือเข้าซื้อกิจการ (M&A) เช่น การเข้าไปถือหุ้นในบริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัด (Flash Express) บริษัทบริการด้านโลจิสติกส์จัดส่งพัสดุ อันดับ 3 ของประเทศ และเข้าไปถือหุ้นในบริษัทที่จำหน่ายเครื่องชงและอุปกรณ์กาแฟแบรนด์ "พาคามาร่า คอฟฟี่ โรสเตอร์" (Pacamara Coffee Roasters) และยังมี M&A อีกหลายดีลที่อยู่ระหว่างขั้นตอนของการดำเนินการ โดยที่ ปตท. ยังคงถือหุ้นใหญ่ 75%
ผลประกอบการที่ผ่านมา
- ปี 2560 : กำไรสุทธิ 12,671.1 ล้านบาท
- ปี 2561 : กำไรสุทธิ 9,493.1 ล้านบาท
- ปี 2562 : กำไรสุทธิ 10,895.8 ล้านบาท
- ปี 2563 (9 เดือน) : กำไรสุทธิ 5,868.5 ล้านบาท
การจองซื้อหุ้น
เปิดจองผ่าน 3 ธนาคาร คือ ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกรุงไทย โดยช่องทางเว็บไซต์ธนาคาร แอปพลิเคชันธนาคาร หรือที่สาขา
ช่วงเวลาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)
ช่วงราคาเสนอขาย 16-18 บาทต่อหุ้น โดยต้องชำระเงินค่าจองซื้อที่ราคา 18 บาทต่อหุ้น จองซื้อขั้นต่ำจำนวน 300 หุ้น (5,400 บาท) และเป็นจำนวนทวีคูณของ 100 หุ้น โดยไม่จำกัดจำนวนจองซื้อสูงสุด
ธนาคารกสิกรไทย
- จองซื้อผ่าน เว็บไซต์ kasikornbank.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และชำระเงินด้วย Mobile Banking ของธนาคารกสิกรไทย
ธนาคารกรุงไทย
- จองซื้อที่ Money Connect by Krungthai ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ของวันที่ 24 มกราคม 2564 ถึงเวลา 12.00 น. (เที่ยงวัน) ของวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564
ธนาคารกรุงเทพ
- จองซื้อผ่าน Bangkok Bank Mobile Banking ซึ่งเป็น Mobile Banking ของธนาคารกรุงเทพ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ของวันที่ 24 มกราคม ถึงเวลา 12.00 น. (เที่ยงวัน) ของวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก :money.kapook ,PTTOR, krungthai, ฐานเศรษฐกิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น