10 กันยายน 2563

นักข่าวลาออกอีกราย ขอโทษเกาะติดข่าว ลุงพล จนพาสังคมมาถึงจุดนี้ ไม่อยากทำ..แต่ขัดไม่ได้


     นักข่าวโพสต์ประกาศลาออก หลังลงพื้นที่บ้านกกกอก เกาะติดข่าว คดีน้องชมพู่ จนพา ลุงพล กลายเป็นคนดังมาถึงจุดนี้ เผยทำแล้วไม่มีความสุข ขัดไม่ได้ ไม่อยากอยู่ในระบบนี้อีกแล้ว


จากกระแสของ ลุงพล ไชย์พล วิภา แห่งบ้านกกกอก หรือ ลุงพล ลุงของน้องชมพู่ สืบเนื่องจากการเป็นผู้ต้องสงสัยใน คดีน้องชมพู่ จนได้รับความเห็นใจ ก่อนจะกลายเป็นคนดังมีผลงานร้องเพลงและเดินแบบ รวมถึงได้รับการติดต่อเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้า ทำให้คนจำนวนไม่น้อยตั้งข้อสงสัยถึงความเหมาะสมจากสื่อบางช่องที่ยังคงเสนอข่าวอย่างต่อเนื่องจนเรื่องนี้มาไกลเกินไปหรือไม่ นำมาซึ่งแฮชแท็ก #แบนลุงพล ในทวิตเตอร์


วันที่ 9 กันยายน 2563 ผู้สื่อข่าวท่านหนึ่งที่เคยลงพื้นที่บ้านกกกอกไปทำข่าวคดีน้องชมพู่ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า "ยุติบทบาทในฐานะผู้สื่อข่าว เพื่อนหลายคนเห็นโพสต์นี้คงตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ? เราต้องบอกก่อนว่า เราทำงานกับทางช่อง ระยะเวลา 1 ปี 2 เดือน เรารู้สึกขอบคุณที่ช่องให้โอกาสเสมอมา ขอบคุณผู้ใหญ่ทุกท่าน ขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนที่ดีกับเรา ที่สอนเราหลาย ๆ อย่าง แต่เมื่อเราทำงานมาเรื่อย ๆ หลาย ๆ อย่าง อาจจะไม่ตรงกับสิ่งที่เราคาดหวังเอาไว้ ทำให้เราไม่สามารถฝืนความรู้สึกตัวเองและเดินต่อไปได้



เราตัดสินใจไปคุยกับพี่ (รอง ผอ.ฝ่ายข่าว) และบอกว่า "เราอยากพัก" ซึ่งพี่แกก็เคารพการตัดสินใจของเรา เราใช้เวลาคิดและตัดสินใจ 1 เดือนเศษ ใช้ช่วงเวลาที่เราทำงานอยู่บ้านกกกอกเพื่อติดตามคดีน้องชมพู่ ขณะที่เราอยู่ที่นั่นนานวันเข้า เราตั้งคำถามกับตัวเองต่าง ๆ นานา และ "คำตอบในหัวเรา มันทำให้เราไม่มีความสุข" กับการทำงาน (เราขอไม่ลงรายละเอียด)


ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้ เราไม่สามารถขัดแย้งอะไรได้ ซึ่งทุกครั้งเราต้องก้มหน้าก้มตาทำต่อไปเรื่อย ๆ เราลำบากใจหลายอย่าง และที่ลำบากใจไปมากกว่านั้นคือการเข้าถึง "สิทธิส่วนบุคคล" เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลบางอย่าง ตัวเรามองว่ามันไม่เหมาะเท่าไหร่ แม้บางคนเขาจะเต็มใจก็ตาม ถามว่าคนดูได้อะไรจากสิ่งเหล่านั้น ได้ประโยชน์อะไรหรือไม่ นอกจากได้ดู "ความขัดแย้งกันของเครือญาติ"


อย่างที่เราบอกในโพสต์ก่อนหน้าว่า "เรารับรู้ถึงกระแสของเพื่อน ๆ กับการต่อว่าสื่อมวลชน" ซึ่งเราไม่มีโอกาสได้อธิบายให้ใครฟังมากมายนัก แต่เราก็ไม่อยากให้เพื่อนเหมารวมสื่อมวลชน อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าสื่อมวลชนก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ทำงานภายใต้กรอบขององค์กร และการทำงานของแต่ละองค์กรย่อมต่างกัน ฉะนั้นวัฒนธรรมองค์กรนั้นล้วนแตกต่างกันออกไปเช่นกัน ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองในบริบทของตัวเองอย่างดีที่สุดแล้ว



สุดท้ายนี้ ในนามของเราเอง ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งและเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องนี้ เราขอโทษทุกคนต่อการนำเสนอข่าวที่เกิดขึ้น จนมันนำพาสังคมให้มาถึงจุดนี้ได้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราก็แค่ทรัพยากรบุคคลคนหนึ่ง ไม่สามารถท้วงติงหรือแก้ไขอะไรได้มาก เพราะเมื่อเราอยู่ในระบบ เราก็ต้องทำ ดังนั้น เราจึงขอถอยออกมา เพราะเราไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของระบบ..เราขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาหาเรา และห่วงใยเรา "จากกันด้วยดี ขอบคุณผู้ใหญ่ทุกท่านครับ" พ้นสภาพอย่างเป็นทางการ"


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก :hilight.kapook, สปริงนิวส์,JINTARA CHANNEL OFFICIAL

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สถานะยืนยันตัวตน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขึ้นข้อความแบบไหน ได้สิทธิชัวร์

      ตรวจสอบสถานะ ยืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านเว็บไซต์ด้วยตนเอง หากได้รับข้อความแบบไหนถึงจะรูผลว่าผ่านและรอรับเงินเข้าบัตรประจำตัวป...